S.C....santa cruz suksa school...ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์การเรียนการสอนของโรงเรียน ซางต้าครู้สศึกษา...ขอให้สนุกกับการเรียนการสอนของครูอ้อยน่ะค่ะ

รูปแบบการภาวนา

          การภาวนาของคริสตชนดำเนินตามธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคอัครสาวก ซึ่งมีพื้นฐานจากพระคัมภีร์ที่ให้ความสำคัญต่อการสร้างสัมพันธ์กับพระเจ้าตามรูปแบบของพระเยซูคริสตเจ้า ด้วยการอธิษฐานภาวนา โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่การร่วมในพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้คริสตชนเป็นหนึ่งเดียวกันในการบรรลุถึงชีวิตที่สมบูรณ์ในพระเจ้า
                    1.1 การภาวนา
                              ก. การอวยพรและการนมัสการ (Blessing and Adoration)
                                        1) การอวยพร หมายถึงการสำนึกและการพรรณาถึงการที่พระเจ้าประทานพระพรแก่มนุษยชาติ
                                        2) การนมัสการ หมายถึงการยกย่องความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ที่สร้างสรรพสิ่งและประทานพระพรแก่มนุษยชาติในการบรรลุถึงชีวิตที่สมบูรณ์
                              ข. การภาวนาวอนขอพระเมตตา (Petition) หรือการขอขมาโทษ
หมายถึงความสำนึกในพระเมตตาของพระเจ้าและขออภัยโทษพระองค์สำหรับการไม่ร่วมมือหรือการปฏิเสธแผนการความรอดพ้นของแต่ละบุคคล
                              ค. การภาวนาอ้อนวอน (Intercession)
หมายถึง การภาวนาวอนขอพระพรสำหรับตนเองและผู้อื่นในสิ่งที่ตนต้องการพระพรพิเศษในการดำเนินชีวิตประจำวัน

                              ง. การภาวนาขอบพระคุณ (Thanksgiving)
หมายถึง การขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับพระพรแห่งความรอดพ้นและพระพรในการดำเนินชีวิตที่พระองค์ประทานให้

                              จ. การภาวนาสรรเสริญ (Praise)
หมายถึง การสรรเสริญ เทิดเกียรติ/ถวายเกียรติแด่พระเจ้าเพราะพระองค์ทรงเป็นอยู่เหนือสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ
                    1.2 ประเภทของการภาวนา
                              ก. ภาวนาออกเสียง (Vocal Prayer)
หมายถึงการถวายเกียรติแด่พระเจ้า ด้วยการออกเสียงและการร้องเพลงที่ออกมาจากใจจริงของผู้ภาวนา
                              ข. การรำพึง (Meditation)
หมายถึง การไตร่ตรองถึงชีวิตของตนเองอาศัยพระคัมภีร์หรือการอธิบายคำสอนของพระเยซูคริสตเจ้า เพื่อพิจารณาและฟังเสียงของพระที่ตรัสในใจของแต่ละคน
                              ค. การเพ่งญาณ (Contemplative Prayer)
หมายถึงการรวมจิตใจด้วยความสำนึกว่าอยู่ต่อหน้าพระเจ้า สำนึกถึงความรักที่พระเจ้ามีกับเราแต่ละคน
การภาวนาทั้งสามแบบข้างต้นนี้มีลักษณะร่วมกันคือ การสำรวมจิตใจที่ปรารถนาที่จะสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้าด้วยการ “อยู่กับพระองค์” คริสตชนให้ความสำคัญต่อการภาวนาเพราะสำนึกในพระวาจาของพระเยซูคริสตเจ้าที่ย้ำให้อธิษฐานภาวนาอยู่เสมอและภาวนาให้เป็นนิสัย คือ ภาวนาควบคู่กับการดำเนินชีวิต ด้วยการดำเนินชีวิตตามที่เราภาวนา กล่าวคือการสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้า ด้วยการให้เวลาในการภาวนา/ร่วมพิธีกรรมและการสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ด้วยการปฏิบัติตามพระบัญญัติแห่งความรักที่พระองค์ทรงมอบให้

                    1.3 ตัวอย่างบทภาวนา (บทภาวนาที่สำคัญ)
                              บทภาวนาของคริสตชนแบ่งกว้าง ๆ ได้สองแบบ คือ แบบไม่เป็นทางการ ได้แก่ การที่คริสตชนแต่งบทภาวนาของตนตามแบบของตน (ไม่มีสูตรตายตัว) เพื่อนมัสการ สรรเสริญ อ้อนวอน ขอพระพรและขอบพระคุณพระเจ้า และยังมีบทภาวนาที่เป็นทางการ หรือบทภาวนาที่เป็นสูตรสำเร็จรูปที่มีเนื้อหาจากพระคัมภีร์ โดยเฉพาะบทเพลงสดุดี (Psalms) ในพันธสัญญาเดิม และบทภาวนาอื่น ๆ ที่อ้างอิงจากพระคัมภีร์ (พันธสัญญาเดิม-พันธสัญญาใหม่) รวมถึงบทภาวนาอื่นๆ ที่พระศาสนจักรแต่งขึ้นเพื่อให้คริสตชนใช้สวดภาวนาร่วมกัน ได้แก่
                              ก. บทภาวนาขององค์พระผู้เป็นเจ้า : บทข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย
บทภาวนาขององค์พระผู้เป็นเจ้า (CCC, 1994: 2765) คือ บทข้าแต่พระบิดาฯ ซึ่งเป็นบทภาวนาที่สำคัญที่สุด เพราะพระเยซูคริสตเจ้าเป็นผู้สอนให้สวดบทนี้ด้วยพระองค์เอง (มธ 6: 9 - 13) ถือเป็นบทภาวนาพื้นฐานของคริสตชน มีการสวดภาวนาบทนี้ร่วมกันในพิธีบูชาขอบพระคุณ โดยมีใจความว่า
“ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าเจ้าทั้งหลาย พระองค์สถิตในสวรรค์
พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์ จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์ โปรดประทานอาหารประจำวัน แก่ข้าพเจ้าทั้งหลายในวันนี้ โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้า เหมือนข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้อื่น โปรดช่วยข้าพเจ้าไม่ให้แพ้การผจญ แต่โปรดช่วยให้พ้นจากความชั่วร้ายเทอญ อาแมน”

โรงเรียนซางตาครู้สศึกษา
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
วิชา คริสต์ศาสนา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ครูผู้สอน นางสาวแสงอรุณ แพงดวง